in

ลมเพลมพัด (จะใช่หรือเปล่านะ)

ตอนนี้ เวลา 23:28 น. ฉันใช้เวลานานในการตัดสินใจว่าจะแบ่งปันประสบการณ์นี้กับคุณหรือไม่ แต่ฉันได้ข้อสรุปแล้ว
PS. นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอสิ่งนี้ และครั้งแรกที่ฉันเขียนให้คุณอ่าน

-เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนที่เราอยู่ปีเดียว เคยศึกษาที่ ม.เอกชน จ.เชียงใหม่ ขอบอกก่อนว่าเป็นคนมีสาระบ้างแต่ไม่มาก ในช่วงวันหยุดปีใหม่ เราตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อเฉลิมฉลองกับครอบครัวและเพื่อนสมัยมัธยม

เราเดินทางจากเชียงใหม่แต่เช้าเพราะกลัวรถติดช่วงเทศกาล โดยรวมแล้วใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงในการเดินทางไปบ้าน วันที่เรากลับถึงบ้านคือวันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งหนาวมากจนแทบไม่มีแรงจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ เราเลย LINE บอกเพื่อน ๆ ว่าวันนี้พักผ่อนก่อน ที่ทุกคนเข้าใจดี

วันถัดมาคือวันที่ 29 ธันวาคม หลังจากไปเที่ยวกับเพื่อนมาเกือบทั้งวัน ในตอนเย็นมีเพื่อนผู้ชายเดินเข้ามาบอกว่า

โก๊ะ (นามแฝง): เมื่อคืนนี้พวกคุณพูดว่าอะไรนะ? อยากลองไปร้านใหม่ที่เปิดใกล้บ้านไอ (เราต้องการใช้นามแฝงนี้)
พิม (นามแฝง): ฉันจะทำอะไรก็ได้ ฉันว่างคืนนี้ แฟนฉันจะมาด้วย

ทั้งสองหันมาหาเราเพื่อหาคำตอบ แต่เนื่องจากวันนี้เรามีนัดกินข้าวที่บ้านและบอกให้ปฏิเสธ ซึ่งร้านใหม่ที่โก้ชวนไปวันนั้น สรุปใครยังไม่ไป

ข้ามไปวันที่ 30 ธันวาคม เย็นนี้ฉันมีนัดกับเพื่อน แต่ทุกคนไม่ได้ไปร้านใหม่ที่เกาะชวนไป เราตกลงกันว่าเคาท์ดาวน์จะไปฉลองที่นั่น

– เข้าวันที่ 31 ธันวาคม ตอนเย็นทานอาหารกับครอบครัว ก่อนออกไปกับเพื่อนซึ่งเราบอกพ่อกับแม่ไปแล้ว แต่วันนี้แม่ไม่อยากให้เราออกไปข้างนอกจริงๆ ซึ่งเราไม่รู้ว่าแม่ไม่สบายหรือเปล่า แต่เราบอกแม่ว่า ร้านที่เราอยากไปเที่ยวด้วยกันเปิดใกล้บ้านเรา แม่หยุดคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าบอกให้เราดูแลตัวเองดีๆ ถ้ากลับไม่ได้ก็โทรบอกป๊ากับม๊าให้มารับ

ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 15.00 น. หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาก็พร้อมที่จะออกไปเที่ยวกลางคืน เพราะร้านอยู่ใกล้บ้านเรา เราเลยตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์ ตลอดทั้งคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเราและเพื่อน ๆ ได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศภายในร้านอาหารเป็นอย่างมาก ฉันต้องอธิบายนิดหน่อย ตัวร้านจะจัดแบบเปิดโล่งเหมือนแคมป์ปิ้ง มีกองไฟไว้อุ่นกลางร้านเพราะตอนนั้นบ้านเราหนาวมากเกือบ 13 องศา เพลงลูกทุ่ง โดยรวมดีมาก

หลังเที่ยงคืน เข้าวันที่ 1 มกราคม ยิ่งหนาวยิ่งหนาว บางโต๊ะเริ่มทยอยกลับมา แต่บางคนยังคงนั่งดื่มต่อไป ฉันและเพื่อนของฉันด้วย

เวลาเรานั่งดื่มกลิ่นเหมือนปัสสาวะคน ได้กลิ่นอยู่ใกล้ๆ ซึ่งมาเป็นระยะๆ เราเลยถามกลางโต๊ะว่า

อีฟ : พวกมันได้กลิ่นอะไรเหม็นๆ ไหม? เหมือนมีคนกำลังฉี่อยู่แถวๆนี้
PM: กลิ่นนั้นคืออะไร? ฉันไม่สามารถได้กลิ่นมัน
อีฟ : โก้ลุกขึ้นมาฉี่บนหญ้าแถวนี้หรือเปล่า?
Koh: บ้าจริง ทำไมคนมาฉี่ที่นี่เยอะจัง มีห้องสุขาด้วย แฟนๆสามารถเป็นพยานได้
อีฟ: แล้วกลิ่นนั้นมาจากไหน?
โค: หมาแถวๆนี้

เมื่อเพื่อนของฉันพูดอย่างนั้นเราไม่ได้คิดเกี่ยวกับมัน แต่ต้องย้ายโต๊ะไปที่อื่น เพราะเราทนกลิ่นที่ทุกคนไม่สนใจไม่ได้
เวลาผ่านไปจนประมาณตี 3 อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เลยชวนเพื่อนๆ มาทานอาหารที่บ้านกันต่อค่ะ ขณะที่เรากำลังจะขับมอเตอร์ไซค์เข้าบ้าน เราเหลือบไปเห็นนกสีดำตัวหนึ่งอยู่ในป่ากล้วยตรงข้ามบ้านของเรา บินราวกับหลงอยู่ในความมืด ด้วยความมึนงงและไม่รู้ ฉันขอให้เพื่อนทุกคนออกไป

อีฟ : เมื่อกี้คุณเห็นนกสีดำตัวนั้นไหม? อากาศหนาวๆแบบนี้บินไปได้ยังไง?

ตอนนั้นใครๆ ก็ไม่สนใจฟังเรามากเพราะดันรถเข้าที่จอดรถเรื่อยๆ สรุปว่าคืนนั้นเรากินข้าวกันต่อจนเกือบตี 5 ก่อนแยกทางกลับบ้าน

เราเมาจนเดินเข้าบ้านเพื่อดูว่าจะนอนที่ไหนได้ เราก็เลยนอนตรงนั้น และตอนนั้นเองที่เราฝันประหลาด
ในความฝันเราเห็นห้องโถงไม้กว้าง มีคนเดินไปมาเหมือนกำลังเตรียมอะไรบางอย่าง หญิงชรานุ่งห่มผ้าสีน้ำตาลโอบรอบอก คล้ายทาสในสมัยก่อน เดินเข้ามาหาเราและเชิญเราให้นั่งบนเก้าอี้ ในความฝันนั้น เราตามเธอไปอย่างเงียบๆ คนที่อยู่ข้างหน้าเราดูเหมือนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เราไม่ค่อยเห็นหน้าใคร ใบหน้าเหล่านั้นมีหมอกจางๆ ครู่ต่อมา ผู้หญิงคนหนึ่งคุกเข่าลงข้างเราบนเก้าอี้ เธอก้มศีรษะลงต่ำจนเกือบแตะพื้น เราสงสัยจึงหันกลับมามอง

ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองเราด้วยตาที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เหมือนตางูข่วนด่าเรา

“กูจะพาไป!!!”
(ตรงไป จนตอนนี้ยังจำสายตาผู้หญิงคนนั้นได้ดี)

เราตกใจมากจนรู้ว่ามีแสงสีขาวปลุกเราให้ตื่น เราลุกจากโซฟานอนด้วยความเหนื่อยล้า ฉันนั่งและสงสัยว่าความฝันของฉันคืออะไรในตอนนี้
แต่สุดท้ายก็ไม่บอกใคร เพราะเขาคิดว่าเขาต้องเมาแล้วฝันไป

เวลาผ่านไป มันคือวันที่ 3 มกราคม ถึงเวลาต้องกลับเชียงใหม่ ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เราฝันถึงเหตุการณ์นั้น แต่เราไม่เห็นผู้หญิงที่น่ากลัวคนนั้น พอมาถึงเชียงใหม่ก็ต้องอยู่คอนโดคนเดียวตั้งแต่แรกจนไม่เคยรู้สึกสงสัยหรือหวาดระแวงเลย แต่ในตอนนั้น เป็นอะไรก็ไม่รู้ เหมือนมีคนเดินตาม จ้องมอง หายใจเข้าใกล้คอตลอดเวลา ตอนแรกเราคิดว่าเราถูกหลอกหลอนด้วยตัวเอง ถึงวันรุ่งขึ้นเราเริ่มหันหลังมองความว่างเปล่าตลอดเวลา เวลาเดินตรงโถงทางเดินคอนโดรู้สึกหลอนอยู่ด้านหลัง จนบางครั้งยังต้องโทรหาเพื่อนเพื่อถือสายเวลาไปไหนมาไหน นั่นคือเราถูกหลอกหลอนมากจนเรากังวล และด้วยความอดทนเหลือทน เขาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อเราพูดถึงเมื่อเราเห็นผู้หญิงที่น่าสยดสยองคนนั้น มีลมกระโชกแรงพัดใบไม้แห้งจำนวนมากมาวางบนโต๊ะม้านั่งของเรา ทั้งที่โต๊ะข้างๆเราไม่มีใบ นั่นคือ ในขณะนั้น เพื่อน ๆ ทุกคนมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวอย่างมาก และแนะนำให้นำเรื่องนี้ไปแจ้งผู้ปกครองโดยด่วน

คืนนั้นเราให้เพื่อนมานอนที่คอนโดด้วยเพราะเริ่มกลัวกันแล้ว และยังไม่สายเกินไปที่จะรับโทรศัพท์โทรหาแม่ของฉัน แม่เป็นคนโทรมาก่อน

แม่ “มีอะไรผิดปกติกับอีฟลูก?”
อีฟ “ทำไมล่ะแม่”
แม่ : อืม เช้านี้เพื่อนแม่ของฉันมาบอกฉันว่าการเห็นอีฟในฝันนั้นไม่ดีเลย วันนี้มีอะไรแปลกๆ ไหม?”
อีฟ “ฉันจะโทรไปบอกแม่ให้รู้เรื่อง”

เราเล่าให้ทุกคนฟัง ก่อนที่แม่จะบอกให้เราไหว้พระในห้องปกป้องพวกเขา จากนั้นพ่อกับแม่จะมาหาเราในวันหรือสองวันถัดไป ในช่วงเวลานั้น เพื่อนของเราอาสาที่จะนอนเป็นเพื่อน เพื่อไม่ให้เรากลัวหรือคิดมาก เมื่อแม่บอกว่าเพื่อนฝันถึงเรา เราถามว่าความฝันของแม่ของเพื่อนฉันคืออะไร แต่แม่ไม่ลงรายละเอียด แค่บอกว่าไม่ดี

พ่อกับแม่มาหาเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มาพร้อมน้ำมนต์และผ้าซิ่นแม่ม่ายของเรา
(ที่ยายเสียไปในสมัยนั้น) (ส่วนน้ำมนต์แม่บอกว่าเอามาจากพระเกจิวัดป่าในบ้านเรา)

แม่ให้พวกเราอาบน้ำมนต์แล้วดื่มแล้วโรยให้ทั่วห้อง ก่อนจะเอาผ้าโสร่งของยายไปเอาชีวิตรอดบนหัวเรา 3 ครั้ง แม่บอกให้ตัดผ้าโสร่งของยายทิ้งแล้วเก็บไว้กับตัวเพื่อปกป้องเราจากสิ่งเลวร้าย

แม่บอกว่าเมื่อเช้าไปขอน้ำมนต์จากครู เขาทักทายแม่ของเขาและพูดว่า: เกิดอะไรขึ้นกับลูกคนโต? อาจจะเป็นลมที่พัดมา ไปดูทักท้วง หรือไปดมแล้วไปทักท้วง ตอนนั้นเค้าเพิ่งปล่อยของไปอาจจะโดน และรอบๆร้านมีคนถูกรถชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ใครก็ตามที่เปิดร้านหรือทำอะไรก็ตามต้องย้ายออกหรือปิดกิจการ (ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ของเราผ่านไปปีนึง ร้านปิดตัวลง จนตอนนี้ยังเป็นที่ดินเปล่าอยู่)

เช้าวันรุ่งขึ้น ครอบครัวของเราออกไปทำบุญถวายสังฆทานและตั้งใจจะตักน้ำให้เจ้านายและความชั่วร้าย เมื่อเราเดินทางไปหาวัด เราก็หลงทาง กว่าจะเจอวัดพระเกือบเข้าวัดแล้ว แต่โชคดีที่เรามาถึงทันเวลา หลังจากที่เราถวายเครื่องบูชาและเทน้ำเสร็จแล้ว รูปปั้นเรียกเราก่อนวางสายสินธุ์ไว้ข้างหน้าเราก่อนจะยิ้มและเดินจากไป เพราะทุกคนที่มาทำบุญเหมือนเราไม่มีใครใจดีเหมือนเรา

เมื่อทุกคนจะเทน้ำที่อยู่ในละอองฝน ทุกคนจะเทที่ไหน? ของเราเทลงดิน เพื่อให้แม่ธรณีได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการเผยแผ่บุญกุศลในครั้งนี้ (แล้วแต่จะเชื่อใคร โปรดใช้วิจารณญาณนะครับ ^^)

คืนนั้นเราหลับสบายมาก ไม่มีความหวาดระแวงเลย ไม่มีภาพหลอนเป็นพักๆ โล่งใจมาก แต่แม่เราเอง แม่ของฉันฝันเห็นผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าคือคนเดิมที่หลอกหลอนเราตลอดเวลา แต่คราวนี้เธอมาในสภาพที่มอมแมมกว่า เขามองขึ้นไปที่แม่ของเขาจากปลายบันไดของบ้าน แม่ยืนอยู่ที่บ้าน ในความฝัน แม่บอกว่าแม่โกรธผู้หญิงคนนี้มาก ดังนั้นเขาจึงยืนและชี้ไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น

แม่ “ออกไป ไปทุกที่ อย่ามาใกล้ลูก!!!”

และหลังจากนั้นเธอก็หายไป วันนี้เรายังคงพกโสร่งของคุณย่าติดตัวตลอดเวลา อันที่จริง มีประสบการณ์หลอกหลอนมากกว่านี้ สำหรับตอนนี้ ฉันจะมีอิสระที่จะฟังคุณ

มา ณ ที่นี้ ขอขอบคุณผู้ที่อ่านจนจบ เนื้อเรื่องอาจจะขัดจังหวะหรือยืดเยื้อไปนิดต้องขออภัย เพิ่งเคยพิมพ์ครั้งแรก ฉันจะพัฒนาและปรับปรุงต่อไป ทั้งหมดนี้ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณนะครับ ^^

ขณะนี้เวลา 02.02 น. หมาที่บ้านหอนไม่หยุด ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^^

แก้ไขข้อความเมื่อ

.