“แพทองธาร” ร่ำไห้ ! กลั้นน้ำตาไม่ไหว หลังทราบเหตุเพลิงไหม้รถบัส | ข่าวเย็นประเด็นร้อน
ข่าวเย็นประเด็นร้อน – นายกรัฐมนตรี ถึงกับหลั่งน้ำตา หลังทราบเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน หลังประชุม ครม. รีบเดินทางไปโรงพยาบาล เพื่อเยี่ยมเด็กและครูที่บาดเจ็บทันที
นายกฯ ร่ำไห้ เหตุไฟไหม้รถบัส
ภายหลังการแถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินลงมาที่หน้าตึกบัญชาการ 1 โดยมีสื่อมวลชนได้สอบถามว่ารับทราบเรื่องรถทัศนศึกษาของนักเรียนจากโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี ที่เกิดเหตุไฟไหม้รถทั้งคันแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนจะเดินเลี่ยงสื่อมวลชนโดยไม่พูดอะไร จากนั้น ได้นำกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดน้ำตา และรีบเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ก่อนจะลงมาให้สัมภาษณ์สื่อ เจ้าหน้าที่ได้รายงานสถานการณ์ต่อนายกฯ ซึ่งทันทีที่ทราบข่าว นายกรัฐมนตรี ได้ปล่อยโฮให้ทันที เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว เพราะเด็กนักเรียนในวัยนี้ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงรู้สึกเศร้าใจกับเหตุการณ์นี้มาก ๆ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัส ว่า ดิฉันทราบถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสจากอุทัยธานี ที่โดยสารนักเรียนเข้ามาทัศนศึกษาในกรุงเทพฯ และเกิดอุบัติเหตุบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ในฐานะแม่ ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ในฐานะรัฐบาล ได้สั่งการให้ ท่านอนุทิน, ท่านสุริยะ และ ท่านซาบีดา ลงไปยังพื้นที่เกิดเหตุด้วยตัวเองแล้ว โดยรัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตค่ะ
นายกฯ ไป รพ.รังสิตเยี่ยมผู้บาดเจ็บ
ต่อมา ช่วงเวลา 14.38 น. นางสาวแพทองธาร เดินทางไปยังโรงพยาบาลแพทย์รังสิต เพื่อเยี่ยมเด็กและคณะครูที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยมี พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาการ ผบ.ตร. และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มารอรับนายกรัฐมนตรี และรายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต จากนั้น พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ได้พานายกรัฐมนตรีขึ้นไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ
กระทั่ง นายกฯ เปิดเผยภายหลังเยี่ยมผู้บาดเจ็บด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ยังมีเด็กที่ได้รับบาดเจ็บในไอซียู 3 คน และยังต้องรักษาบาดแผลไฟไหม้ และทราบว่า ทางญาติเริ่มมากันบ้างแล้ว
เมื่อถามว่า น้อง ๆ ที่ปลอดภัย จะให้เดินทางกลับเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทางกระทรวงคมนาคม จะจัดรถให้น้อง ๆ เดินทางกลับ ซึ่งต้องรอดูผู้ปกครองก่อนว่า จะว่ายังไรบ้าง หากน้องไม่เป็นอะไรมากก็ให้ส่งกลับบ้านให้ถึงอ้อมอกผู้ปกครองวันนี้
เผยอาการเหยื่อเพลิงไหม้รถบัส
ขณะที่ แพทย์โรงพยาบาลรังสิต บอกว่า มีคนบาดเจ็บ 3 ราย อาการหนัก 2 ราย เป็นเพศหญิงทั้งหมด รายแรกอายุ 7 ขวบ มีรอยไหม้บริเวณใบหน้า เส้นผม หายใจไม่ค่อยสะดวก ซึ่งแพทย์พิจารณาว่า อาจจะใส่ท่อช่วยหายใจป้องกันหลอดลมอุดตันหรือไม่
ส่วนรายที่ 2 อายุประมาณ 8-9 ขวบ มีรอยไหม้บริเวณใบหน้า จมูก ปาก แต่ว่าหายใจได้ดี รายนี้แพทย์พิจารณาแล้วว่า รอได้ อาจจะพอรอไว้ แล้วจะพาน้องไปใส่ท่อช่วยหายใจเหมือนกัน โดยกลัวว่าระหว่างที่รอเนื้อเยื่อที่มีรอยไหม้ อาจจะเกิดอาการบวม
รายที่ 3 ก็มีรอยไหม้บริเวณใบหน้า อาการน้อยที่สุด เมื่อมาถึงแพทย์ก็รีบทำความสะอาดบาดแผล สังเกตอาการอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียู
ล่าสุดมีผู้ปกครองติดต่อมา 1 ราย เป็นผู้ปกครองของน้อง 7 ขวบ พ่อแม่คู่นี้มีลูก 2 คน น้อง 7 ขวบ เป็นลูกคนโต บอกว่า ดีใจที่ลูกรอด ส่วนผู้ปกครองของน้องอีก 2 ราย แพทย์บอกว่า ตอนนี้ยังมาไม่ถึงที่โรงพยาบาล
ญาติใจจดจ่อ ติดตามสถานการณ์ที่โรงเรียน
ที่จังหวัดอุทัยธานี ขณะที่ญาติ ๆ หลังจากทราบข่าวต่างมายืนรอฟังเหตุการณ์ที่หน้าโรงเรียน หนึ่งในนั้นคือ นายน้อย อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นตาของเด็กนักเรียนชั้น ม.2 หลังจากทราบข่าวได้รีบโทรหาหาหลานทันที คุณตาบอกว่า โชคดีที่หลานไม่ได้อยู่ในรถคันที่เกิดเหตุ แต่ได้บอกว่ามีเพื่อนบางคนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์นี้สร้างความตกใจให้คุณพ่อคุณแม่และญาติ ๆ ของเด็กนักเรียนอย่างมาก
รอดหวุดหวิด เด็กเปลี่ยนใจกะทันหันไม่ขึ้นรถบัส
ขณะเดียวกัน นายณัฐพงศ์ แตงเสง อายุ 32 ปี พ่อเด็กชั้นอนุบาล 3 ที่รอดชีวิต เปิดใจกับทีมข่าวเย็นประเด็นร้อนทางโทรศัพท์ว่า ลูกตนอาศัยอยู่กับยาย และเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 ของโรงเรียนแห่งนี้ ก่อนที่จะเกิดเหตุ ทางโรงเรียนได้มีหนังสือแจ้งมาว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม จะพาลูกตนไปทัศนศึกษาที่จังหวัดอยุธยากับกรุงเทพมหานคร ตนจึงโทรศัพท์สอบถามลูกว่าอยากไปหรือเปล่า ลูกตนบอกว่าอยากไป ตนจึงอนุญาตให้ลูกไป
ต่อมา ตนทราบข่าวรถบัสที่พาเด็กไปทัศนศึกษาโรงเรียนของลูกตนไฟไหม้ ตนจึงตกใจ รีบโทรศัพท์ถามแม่ยายทันที แม่ยายบอกว่า ลูกตนเปลี่ยนใจกะทันหันเลยไม่ได้ขึ้นรถบัสคันนั้นไป ลูกตนได้บอกกับยายว่า ไม่อยากไปแล้ว กลัวจะกลับดึก กลัวจะไม่สบาย ไม่อยากไป ตนได้ยินแบบนั้นตนดีใจมาก ถือว่าลูกตนโชคดีมากที่เปลี่ยนใจขึ้นรถบัสคันดังกล่าว โดยหลังจากนี้ตนจะไม่ให้ลูกไปทัศนศึกษากับโรงเรียนอีกแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ขึ้นอีกเมื่อไหร่
อ่านต่อเพิ่มเติม : https://teroasia.com/news/262959
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
กดติดตามช่อง CH7HD News และ TERO Digital ได้ที่ : https://linktr.ee/ch7hdnews_tero
#ข่าวเย็นประเด็นร้อน #ข่าวช่อง7 #CH7HDNEWS
Source