สวัสดี วันนี้เราอยากจะแบ่งปันกับครอบครัวและครอบครัวของเราเกี่ยวกับประสบการณ์ในการขอวีซ่าของเรา
ยาวมาก แต่เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้าง
เราขอไม่ลงรายละเอียดในการกรอก DS-160 นะครับ เพราะมีกระทู้อื่นๆ อธิบายอย่างละเอียดแล้ว
(โดยส่วนตัวเราศึกษาการกรอก DS-160 จากกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/39639272 ขอบคุณเจ้าของโพสต์เป็นอย่างสูง)
เราสมัครกับครอบครัว 4 คน รวมทั้งฉัน พ่อ แม่ และน้อง
(พี่สาวทำงานประจำ อายุ 31 พ่อแม่เกษียณทั้งคู่)
เราต้องการแบ่งปันโปรไฟล์ของเราสั้น ๆ ก่อน
– อายุ 33
– เดี่ยว
– เคยได้วีซ่าอเมริกา J1 และ B1/2 รอบละ เชงเก้น 4 รอบ อังกฤษ 2 รอบ
– เคยไปเยอรมัน เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลี
– เพิ่งจดทะเบียนบริษัทกับเพื่อน 1 ปีในวันสัมภาษณ์
– ก่อนเริ่มบริษัทมีช่องว่างการว่างงาน 10 เดือน (เราใช้เวลานั้นเตรียมบริษัท)
ซึ่งงานนี้ทำให้เราเป็นกังวลอย่างมาก เพราะกลัวมองงานไม่มั่นคง
ดังนั้นเราจึงพยายามเขียนคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับงานของเราบน DS-160
ไม่ใช่แค่บอกว่าเราทำอะไรในบริษัท แต่เราเขียนตั้งแต่ต้นความปรารถนาที่เรามี ซึ่งทำให้เราตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อเริ่มต้นบริษัทนี้
จากนั้นบอกเราว่าบริษัทของเราให้บริการอะไรบ้างและใครคือลูกค้า แล้วมาเขียนหน้าที่ของเราในบริษัทเป็นประเด็นสำคัญ
(นี่ไม่ใช่รูปแบบตายตัว เราเลือกเขียนแบบนี้เพื่อแสดงว่าแม้จะเพิ่งเปิดได้ แต่เราก็จริงจังกับงานนี้)
เราชำระค่าธรรมเนียมการสมัครเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคม เข้าสู่ระบบตรวจสอบคิวในระบบทุกวัน วันละหลายๆ รอบ ประมาณ 2-3 อาทิตย์กว่าจะได้คิว ซึ่งได้คิวต้นเดือนสิงหาคม
>> เอกสารที่ต้องเตรียมในวันสัมภาษณ์ <
– บัตรยืนยัน DS-160
– ใบยืนยันการนัดหมาย
– มีพาสปอร์ตครบทุกเล่ม (แยกเล่มเก่ากับเล่มปัจจุบัน ปกติใช้เฉพาะเล่มปัจจุบัน เล่มเก่าจะส่งให้ก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ถาม)
– กำหนดการเดินทางตามจำนวนวันที่ระบุใน DS-160
– คำชี้แจงย้อนหลัง 6 เดือนของพี่ชายและบริษัทของเรา (พวกเราขอออนไลน์ / พ่อแม่ไม่เตรียมเพราะแจ้งว่าเรากับน้องจะเป็นสปอนเซอร์)
เอกสารเพิ่มเติมของเรา (ไม่ได้แปลทั้งหมด)
– หนังสือจดทะเบียนบริษัท
– หนังสือรับรองบริษัท (ชื่อเราเป็นกรรมการบริษัท)
– รายการชำระภาษีของบริษัทที่ผ่านมาทั้งหมด
– ตัวอย่างผลงาน
– แบบฟอร์มสั่งทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ เนื่องจากใกล้หมดอายุ (จะอธิบายเพิ่มเติมด้านล่าง)
และพี่น้องของเราอีกมากมาย เพราะคุณเพิ่งเริ่มงานใหม่ได้ 2 วัน คุณไม่สามารถรับใบรับรองการท างานได้ทันท่วงที เลยเตรียมเป็นสัญญาจ้างแทน
>> วันสัมภาษณ์ <
เรามาถึงสถานทูตล่วงหน้าประมาณ 20 นาที
หน้าสถานทูตแทบไม่มีคิวเลย (ช่วงโควิด เปิดคิวน้อยมากต่อวัน)
เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบชื่อ เวลานัดหมาย และขอหนังสือเดินทางปัจจุบันของทุกคน
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแนบใบปะหน้า EMS ที่ด้านหลังหนังสือเดินทางของแต่ละคน
ที่นี่ ถ่ายรูปใบปะหน้าของทุกคนและเก็บไว้ จะได้รับ Tracking Number เพื่อตรวจสอบสถานะขณะรอหนังสือเดินทาง
จากนั้นพวกเขาจะให้คุณสแกนกระเป๋าและฝากโทรศัพท์ของคุณโดยใช้บัตรประชาชนของคุณ
ห้ามมิให้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด รวมทั้งพาวเวอร์แบงค์ น้ำและอาหาร (ข้างในจะเห็นว่ามีเครื่องดื่มขาย)
ถุงผ้าใส่เอกสาร กระเป๋าใบเล็กใส่ของ
จากนั้นเดินตามเส้นสีแดงด้านในเพื่อขอวีซ่าท่องเที่ยว
เข้าใจว่าปกติตอนเข้าไปต้องนั่งรอโซนเปิดโล่งแล้วเค้าจะประกาศให้โทรไปตามเวลานัดอีกที
แต่ช่วงโควิดนี้ไม่ต้องนั่งรอประกาศ เดินต่อเข้าไปในโซนที่เป็นห้องแอร์ตามแนวเส้นสีแดงได้เลย
พอเข้าไปข้างในก็มีคนรอ 4-5 คน
แต่เราเป็นเพราะภาพที่เรามีผมปิดหู รูปพ่อแม่มันเก่ามาก 555 ไม่ผ่านแน่นอน
(เราตั้งใจจะถ่ายรูปใหม่ที่นี่อยู่ดี เพราะช่วงนี้ไม่อยากออกไปไหนเลย นึกว่ามาแล้ว เลยถ่ายรูปมา)
เข้ามาแล้วก็แวะถ่ายรูปที่บูทกันก่อน ท่านละ 150 บาท (เครื่องไม่ทอนเงิน)
เมื่อเดินเข้ามาแล้ว ร้านถ่ายรูปจะอยู่ทางขวามือ ตู้จะมีรายละเอียดทั้งหมดวางแล้ว ใช้งานง่ายมาก
และหากมีปัญหาใด ๆ ให้ใช้โทรศัพท์ในบูธเพื่อโทรไปยังหมายเลขที่ลงไว้ จะมีเจ้าหน้าที่ลงมาช่วยเหลืออีกครั้ง
จากนั้นเราก็เดินกลับไปหาเจ้าหน้าที่ไทยตามเส้นสีแดงอีกครั้ง
ซึ่งจนถ่ายเสร็จก็ไม่เหลือคิว ทั้งห้องก็เหลือแค่ครอบครัวเรา
เจ้าหน้าที่จะขอพาสปอร์ตปัจจุบันของทุกคน ขอรูปถ่าย และขอข้อมูลพื้นฐาน เช่น ต้องทำอย่างไรและกี่วัน
พ่อและฉันได้รับวีซ่าสหรัฐอเมริกาในหนังสือเดินทางเล่มเก่าของเราแล้ว เจ้าหน้าที่จะขอดูวีซ่าเก่า
วีซ่าล่าสุดที่เราได้รับคือ J1 พวกเขาถามฉันว่าต้องทำอย่างไร เราตอบตามความจริง คือ ไปที่ Work & Travel
จากนั้นพวกเขาจะสแกนนิ้วทั้ง 10 นิ้วทีละตัว
ที่นี่ถ้าพ่อแม่ของคุณแก่แล้ว ฉันไม่มีรอยนิ้วมือมากนัก เลยแนะนำให้คุณพกครีมทามือมาด้วยเผื่อไว้
เสร็จแล้วเดินต่อตามเส้นสีแดง ไปดูของจริง
วันที่ผมไปมีเจ้าหน้าที่กงสุลเปิด 2 ช่อง ชายทั้งคู่ เราได้สัมภาษณ์คนหนุ่มสาว
โดยการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ
เจ้าหน้าที่ : สวัสดีครับ ขอพาสปอร์ตได้ไหมครับ
ฉัน : นี่ค่ะ (ส่งพาสปอร์ตปัจจุบันของทุกคน)
เจ้าหน้าที่ : ขอผมสแกนนิ้วซ้ายอีกครั้งนะครับ
แล้วขอสแกนทุกคน แต่สแกนพ่อแม่เรายังไม่ผ่าน ต้องสแกนนิ้วทั้ง 10 นิ้วอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ : ไปทำอะไรมา?
ฉัน : เที่ยว
น้องราว : หนูอยากไปเที่ยว
เจ้าหน้าที่ : ไปกี่วันครับ?
ฉัน : สองอาทิตย์
เจ้าหน้าที่ : ไปเมื่อไหร่
ฉัน : ประมาณเดือนต.ค.
เจ้าหน้าที่ : ทำอะไร
ฉัน : เจ้าของบริษัทโฆษณากับเพื่อน ทำโฆษณาทางทีวีและดิจิตอล
เจ้าหน้าที่ : แล้วคุณล่ะ? (หันไปถามพี่สาว)
น้องราว: (บรรยายงานคร่าวๆ)
เจ้าหน้าที่ : แล้วพ่อแม่คุณล่ะ?
ฉัน : ทั้งสองคนเกษียณแล้ว
เจ้าหน้าที่ : ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง?
ฉันและน้องสาวช่วยกันตอบ: ฉันเคยไปเยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ด้วยกัน
เจ้าหน้าที่ : ครับ (แล้วหันมาพิมพ์หน้าคอมสักพัก)
เจ้าหน้าที่: โอเค ทุกอย่างดูเรียบร้อยดี วีซ่าของคุณได้รับการอนุมัติแล้ว ประมาณ 5-7 จะส่งวีซ่าให้คุณ
ฉันและพี่สาว : ขอบคุณค่ะ / ขอขอบคุณ.
นั่นคือทั้งหมดที่ ไม่มีการขอดูเอกสารใดๆ เราไม่ได้เสนอให้นะ ลืมไปเลย 555
วันนี้ (2 วันหลังสัมภาษณ์) ได้รับ Passport คืนมา 10 ปีแล้วค่ะทุกคน
เราบอกว่าเราค่อนข้างโชคดีเพราะเราอยากเป็นครอบครัว และอีกอย่างคือเราเขียน DS-160 ไว้เยอะมาก ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่อ่านระหว่างการสัมภาษณ์
ณ จุดนี้ เราอยากจะแนะนำคำถามเพิ่มเติมสองสามข้อที่เรามีในช่วงเตรียมการ
– สามารถกลับเข้า DS-160 เพื่อชำระและจองคิวเรียบร้อยแล้ว
คุณจะต้องนำหมายเลข DS-160 ใหม่มาอัปเดตในระบบการจอง คลิกที่อัปเดตโปรไฟล์
แต่!!! ถ้าสมัครเป็นครอบครัวเดียวกับเรา เราอัพเดทได้เฉพาะเลข DS-160 ในระบบให้เราคนเดียว
ของสมาชิกในครอบครัวท่านอื่นๆ จะต้องส่งอีเมลแจ้งสถานทูตที่ support-thailand@ustraveldocs.com
นอกจากนี้เรายังเขียนวันสัมภาษณ์ในเรื่องเพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งเตรียมการ
ในอีเมลเราระบุชื่อ หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลข DS-160 เก่า/ใหม่
และแนบหน้าหนังสือเดินทาง ใบยืนยัน DS-160 ทั้งเก่าและใหม่ (แนะนำให้เปลี่ยนชื่อไฟล์เพื่อให้ชัดเจนว่าอันไหนเก่า/ใหม่ และอันไหนเป็นของ)
เจ้าหน้าที่ของเราใช้เวลา 3 วันในการปรับปรุงข้อมูลในระบบ
**** ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนวันสัมภาษณ์ 3 วันก่อนวันสัมภาษณ์ ****
– การจองคิวสำหรับครอบครัว 4 คนอย่างเรา ได้เปรียบเพราะน่าจะผ่านง่ายกว่า แต่ช่วงนี้จะหาคิวยากมาก
เนื่องจากระบบนับเป็น 4 คิว นั่นคือต้องมีคิวว่าง 4 คิวในช่วงเวลาเดียวกันเท่านั้น ก่อนที่ระบบจะแสดงให้คุณจองได้
คุณอาจต้องชั่งน้ำหนักเพื่อดูว่าการสัมภาษณ์โปรไฟล์ของคุณดีพอหรือไม่ (ซึ่งไม่มีใครทราบเกณฑ์การตัดสินที่แท้จริง)
– รูปภาพที่อัพโหลดในระบบไม่จำเป็นต้องเป็นภาพเดียวกับที่ใช้จริงในวันที่สัมภาษณ์
คุณสามารถใช้ภาพที่คุณมีมาก่อน ลองอัพโหลดเข้าระบบก่อน (ระบบตรวจบางกฎไม่ได้ เช่น รูปเก่า-ใหม่ หรือเคยเห็นใบหูหรือเปล่า)
หากระบบอนุมัติ เราก็สามารถถ่ายรูปใหม่ให้ถูกต้องตามกฎภายในได้
– เกี่ยวกับอายุหนังสือเดินทาง อันที่จริง บนเว็บไซต์ของสถานทูต ว่าว่า อายุว่า “หนังสือเดินทางมีอายุการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีวันหมดอายุอย่างน้อยหกเดือนหลังระยะเวลาที่ท่านตั้งใจจะพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา”
ซึ่งหมายความว่าเราควรมีหนังสือเดินทางที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนหลังจากวันเดินทางกลับ
แต่ของเราถ้านับจากวันสัมภาษณ์ Passport จะมีอายุใช้งานไม่เกิน 6 เดือนต่อสัปดาห์
และหากนับจากวันเดินทางหนังสือเดินทางจะมีอายุเพียง 4 เดือนเท่านั้น
ซึ่งอันที่จริงดูเหมือนว่าจะถือว่าผิดกฎหมาย แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่หนังสือเดินทางในกรุงเทพฯ ถูกปิดไปเป็นเดือนแล้ว
เราได้ลองโทรไปปรึกษากับสถานฑูตแล้ว เจ้าหน้าที่ที่รับโทรศัพท์แจ้งว่ารับสายไม่ได้ อยู่ที่เจ้าหน้าที่กงสุลจะพิจารณา
เลยทำการจองคิวต่ออายุหนังสือเดินทางที่จังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย ให้ก่อนวันเดินทาง เผื่อจะถามก็เอาไปให้เจ้าหน้าที่ดู
แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่ทักท้วงอะไร อันนี้เราคิดว่าเราโชคดีเช่นกัน
มันจบลงแล้ว ฉันขอโทษ เราไม่เคยตั้งกระทู้แบบนี้ ดังนั้นฉันจึงเขียนเป็นเวลานานมาก
แต่อยากแบ่งปัน ฉันหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ
หากใครมีคำถามอะไร ถามมาได้เลยนะครับ ถ้าเรารู้พอ เราจะช่วยตอบคุณ
.